| Frieda's Inc. | โฮมเพจ |
คำอธิบาย / รสชาติ
พริกขี้หนูสีเขียวมีขนาดรูปร่างและเครื่องเทศแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับดินและภูมิอากาศที่พืชปลูกฝักหงิกเล็กน้อยโดยทั่วไปมีความยาวเฉลี่ย 5 ถึง 8 เซนติเมตรและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ถึง 3 เซนติเมตรและมีรูปทรงกรวยที่ เคาะไปยังจุดที่แตกต่างกันที่ปลายที่ไม่ใช่ก้าน ผิวบางเป็นสีเขียวเข้มและเป็นมันเงาคล้ายขี้ผึ้งและผิวของฝักมีลักษณะเหี่ยวย่น ภายใต้ผิวหนังเนื้อจะกรอบและมีสีเขียวห่อหุ้มช่องตรงกลางที่เต็มไปด้วยเยื่อและเมล็ดกลมแบนสีครีมสองสามเมล็ด พริกขี้หนูสีเขียวมีรสที่เป็นกรดอ่อน ๆ สีเขียวและหญ้าผสมกับกลิ่นดอกไม้และผลไม้ที่ละเอียดอ่อน พริกยังมีความร้อนที่ล่าช้าซึ่งสร้างความรุนแรงและยังคงอยู่ที่เพดานปาก
ซีซั่น / ห้องว่าง
พริกขี้หนูเขียวมีจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วง
ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
พริกขี้หนูสีเขียวซึ่งจัดอยู่ในประเภทพฤกษศาสตร์ว่า Capsicum chinense เป็นพริกแดงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่รู้จักกันดีและเป็นสมาชิกของวงศ์ Solanaceae หรือ nightshade เป็นที่รู้จักในหลายชื่อ ได้แก่ Naga Jolokia และ Bhut Jolokia ซึ่งมาจากชนเผ่า Bhutia ในอินเดียและแปลโดยประมาณจากแปลว่า 'ผี' พริกเขียวพริกขี้หนูแตกต่างกันอย่างมากในลักษณะและเครื่องเทศขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอยู่ใกล้แค่ไหนในการเปลี่ยนไปใช้ วุฒิภาวะเต็มที่ พริกขี้หนูโดยทั่วไปอยู่ในช่วง 855,000 ถึง 1,041,427 SHU ในระดับ Scoville และเป็นหนึ่งในพันธุ์แรก ๆ ที่ถูกระบุว่าเป็น 'superhot' พริกขี้หนูสีเขียวเป็นที่ชื่นชอบสำหรับรสสีเขียวหญ้าและสามารถใช้คล้ายกับพริกขี้หนูที่โตเต็มที่ทั้งในรูปแบบดิบและแบบปรุงสุก นอกจากพริกโกสต์ชิลีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วยังมีพันธุ์พริกเขียวกรีนโกสต์ชิลีอื่น ๆ ที่รายงานว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ยังคงเป็นสีเขียวเมื่อครบกำหนด แต่พันธุ์เหล่านี้ยังถือว่าค่อนข้างไม่แน่นอนและยังไม่มีการวางตลาด
คุณค่าทางโภชนาการ
พริกขี้หนูเขียวมีวิตามิน A และ C ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและมีโฟเลตซึ่งเป็นวิตามินบีที่สามารถช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อภายในร่างกาย พริกยังมีสารประกอบทางเคมีที่เรียกว่าแคปไซซินในปริมาณที่สูงมากซึ่งกระตุ้นให้ตัวรับความเจ็บปวดในร่างกายของเรารู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อน แคปไซซินแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติต้านการอักเสบและทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินเพื่อต่อต้านความเจ็บปวดที่รับรู้
แอพพลิเคชั่น
พริกขี้หนูเขียวเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานทั้งแบบดิบและแบบปรุงสุกเช่นการผัดการเคี่ยวและการผัด ควรใช้ความระมัดระวังในการใช้พริกเหล่านี้เนื่องจากอาจร้อนจัดและแม้แต่ปริมาณที่น้อยที่สุดก็ทำให้อาหารรับประทานไม่ได้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือควรสวมถุงมือและแว่นตาเมื่อจัดการหรือหั่นพริกเนื่องจากแคปไซซินสามารถทำให้ผิวหนังและดวงตาไหม้ได้ เมื่อสดพริกกรีนโกสต์ชิลีสามารถนำมาบดเป็นซอสและหมักหรือสับเป็นซัลซ่า โดยทั่วไปพริกสามารถใช้แทนสูตรอาหารที่เรียกพริกผีที่โตเต็มที่ได้ แต่พริกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะมีสีเขียวและรสหญ้ากว่า พริกขี้หนูเขียวสามารถย่างและผสมกับสมุนไพรและอะโรเมติกส์เพื่อทำซอสร้อนสีเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าและผสมลงในแกงกะหรี่สตูว์และพริกหรือเสิร์ฟในอาหารที่ทำจากปลา นอกจากซอสแล้วพริก Green ghost chile ยังสามารถอบแห้งบดและผสมกับยี่หร่าผักชีการ์มาซาลาและน้ำส้มสายชูเพื่อทำส่วนผสมที่สามารถกวนเป็นข้าวและแกงได้ พริกขี้หนูเขียวเข้ากันได้ดีกับกระเทียมหัวหอมขิงผักชีมะเขือเทศอาหารทะเลและเนื้อสัตว์เช่นสัตว์ปีกเนื้อวัวและเนื้อหมู พริกสดจะเก็บได้ 1-2 สัปดาห์เมื่อห่อด้วยพลาสติกหลวม ๆ และเก็บไว้ในตู้เย็น
ข้อมูลชาติพันธุ์ / วัฒนธรรม
แม้จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีความชื้นสูงในภูมิภาคอัสสัมของอินเดีย แต่พริกขี้หนูยังคงเป็นส่วนประกอบที่พบได้ทั่วไปในอาหารประจำวัน ชาวบ้านใช้ความร้อนเข้มข้นที่พบในพริกขี้หนูเพื่อทำให้เหงื่อออกที่ใบหน้าอย่างกระปรี้กระเปร่าซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายต้องเผชิญเมื่อต้องต่อสู้กับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากเครื่องเทศ เมื่อพริกไทยเพิ่มอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายการไหลเวียนของเลือดจะพุ่งสูงขึ้นและทำให้ผิวหนังขับเหงื่อเพื่อสร้างความรู้สึกเย็น กระบวนการขับเหงื่อจะทำให้ร่างกายเย็นลงเป็นระยะเวลานานและการเผาพริกขี้หนูอย่างอ้อยอิ่งจะช่วยยืดกระบวนการทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากการบริโภคเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ลดอุณหภูมิในร่างกายอย่างรวดเร็วเร็วเกินไปทำให้ร่างกายสร้างความร้อนขึ้นเองเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กลับมาเป็นปกติกระบวนการนี้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอินเดียในการต่อสู้กับอุณหภูมิที่ร้อนระอุอย่างมีประสิทธิภาพ
ภูมิศาสตร์ / ประวัติศาสตร์
พริกขี้หนูเขียวมีถิ่นกำเนิดในรัฐอัสสัมนาคาแลนด์และมณีปุระซึ่งตั้งอยู่ในเขตขอทานเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ภูมิภาคเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องอุณหภูมิที่สูงถึง 54 ° C และเชื่อกันว่าอุณหภูมิและความชื้นสูงเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับความร้อนที่เพิ่มขึ้นภายในพริกขี้หนู ปัจจุบันพริกขี้หนูเขียวถือเป็นเรื่องแปลกและหาได้ยากพอสมควรเนื่องจากไม่มีขายในตลาดการค้า พริกขี้หนูเขียวมีจำหน่ายผ่านแคตตาล็อกเมล็ดพันธุ์ออนไลน์ตลาดเกษตรกรร้านขายของชำเฉพาะทางและผู้ที่ชื่นชอบพริกชิลีในอินเดียบังกลาเทศศรีลังกาเม็กซิโกสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ไอเดียสูตรอาหาร
สูตรอาหารที่มี Green Ghost Chile Peppers หนึ่งง่ายที่สุดสามยาก
| สุขภาพที่ทนทาน | วุ้นพริกไทยผี | |
| บล็อก Squidink รายสัปดาห์ของ LA | บุทโจโลเกียแกงปลา | |
| พริกพริกไทยบ้า | Ghost Pepper Guacamole | |
| Armadillo Pepper | เชอร์รี่บูร์บองซอสพริกไทยผี | |
| พริกไทยโจ | ซอสพริกไทยดำ |
